การนำเข้าแรงงานต่างด้าว ทั้ง 3 สัญชาติ มาทำงานในประเทศ ทางนายจ้างสามารถดำเนินการด้วย ได้ 2 กรณี

A : ตนเองได้ โดยยื่นเอกสารที่สำนักงานจัดหางาน จังหวัด และจัดเตรียมเอกสารตามกระบวนการ ซึ่งจะต้องมีการวางประกันการจ้างแรงงานต่างด้าว ตามมาตรา 46

B : หรือสามารถใช้บริการจากบริษัท นำคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ ที่จดทะเบียนถูกต้องกับกรมการจัดหางานได้ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถือ กว่า บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียน

บริษัทนำเข้าแรงงานต่างด้าว หรือบริษัทนำเข้าต่างด้าว หากได้รับการจดทะเบียนถูกต้องกับกรมการจัดหางาน จะ มีความน่าเชื่อถือ และ สร้างความมั่นใจ ใจให้กับทางนายจ้าง หรือ ผู้ว่า จ้างได้ เนื่องจากทางบริษัทเหล่านี้จะมีการวางประกันค่าความเสียหายให้กับทางนายจ้างหรือผู้ใช้บริการ จำนวน 5 ล้านบาท หากไม่ได้รับการดูแลหรือ ทอดทิ้งงาน ทางนายจ้างสามารถ เรียกร้องค่าเสียหายได้ กับทางกรมการจัดหางาน โดยการหักจากเงินประกัน ที่วางไว้ หากนายจ้าง ไปเรียกใช้บริการจากบริษัท หรือนายหน้า เถื่อนที่ไม่ได้รับการรับรองอาจถูก เอารัดเอาเปรียบหรือ ใหม่ ทำงานทอดทิ้ง การทำเอกสาร เป็นเหตุให้แรงงานต่างด้าวไม่ได้รับ เอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายได้

แรงงานต่างด้าว ตาม ตามระบบ MOU เป็นแรงงานที่ ต้องรอ ผ่านกระบวนการการนำเข้าให้ถูกต้องเสียก่อน จึงจะ มาทำงานกับทางนายจ้าง ซึ่งจาก สามารถทำงานได้ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางเข้ามาถึง เนื่องจากเป็นการเตรียมและยื่นเอกสาร ล่วงหน้า ซึ่งมีความถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว ตั้งแต่ต้น ส่วนแรงงานต่างด้าวบัตรชมพูนั้น เป็นแรงงา น ที่อยู่ในประเทศไทย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน หรือจด ทะเบียน ตามมติ ครม. ซึ่งแรงงานบางคนอาจมีสถานะ ยังไม่ถูกต้อง หรือทางนายจ้างจำเป็นต้องไปเปลี่ยนแปลงเอกสารหรือเปลี่ยนนายจ้างให้ถูกต้องเสียก่อนหากสถานะ ของเอกสารแรงงานต่างด้าวบัตรชมพูนั้นยังคงมีสถานะอยู่ แรงงาน วีซ่าขาดหรือใบอนุญาตทำงานขาด โดยมีการแจ้งออกเกิน 60 วัน จนเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้

แรงงานต่างด้าวกลุ่มบัตรชมพู ตามมติ ครม เมื่อวันที่ 24กันยายน 2567 ที่ผ่านมา เป็นการต่ออายุในลักษณะ MOU หากแรงงานต่างด้าวประสงค์จะเปลี่ยนนายจ้างจำเป็นต้องขออนุญาตนายจ้างโดยยืน แจ้งออก โดยไม่ติดค้างค่าใช้จ่ายจึงจะสามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ หากไม่เช่นนั้น สถานะ ของแรงงานต่างด้าวจะกลายเป็น กลุ่มหลบหนี และจะไม่สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ออกมาเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิ์ของทางนายจ้างหรือผู้ว่าจ้าง ที่แรงงานต่างด้าวหลบ หนีออกไปเปลี่ยนนายจ้างโดยเสรี

ถ้าอายุของหนังสือเดินทางของแรงงานต่างด้าว มีไม่ถึงตามสิทธิที่สมควรจะได้รับ ให้นายจ้างหรือแรงงานต่างด้าวไปทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ โดยมีการอ้างอิงจากหนังสือเดินทางเล่นเดิม จากนั้นไปทำการย้ายตรา จากเล่มเดิมสู่เล่มใหม่ และไปขอขยายสิทธิ ของวีซ่าตามอายุที่สมควรจะได้รับ ก็สามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ตามอายุและสิทธิเดิมที่มีอยู่

กลุ่ม ต่างด้าว MOU สำหรับแรงงานนำเข้าตามระบบMOU มีข้อดี ตรงที่การเปลี่ยนนายจ้างหรือการโยกย้ายนายจ้างนั้น จะค่อนข้างยุ่งยากและลำบากกว่า เนื่องจาก ขั้นตอนและมีระเบียบที่ชัดเจนหากนายจ้าง ไม่ยินยอมให้เปลี่ยนนายจ้าง ทางแรงงานก็ไม่สามารถไปหานายจ้างอื่นได้ อีกทั้งสามารถคัดสรรแรงงานหรือจำนวนและสัดส่วน เป็นไปตามที่นายจ้างต้องการ แต่มีข้อเสียคือ ใช้ระยะเวลาใน การ ดำเนินการนาน หรืออาจต้องรอเวลา หาก ทางนายจ้างจำเป็นต้องใช้แรงงานด่วนจะไม่ตอบโจทย์เลย กลุ่ม มติ ครม บัตรชมพู แรงงานกลุ่มนี้ ถ้ารับสมัครได้คนมาทำงานเลย ไม่ต้องรอเวลา ตอบโจทย์นายจ้างที่มีความต้องการจ้างแรงงานเร่งด่วน แต่มีข้อเสียคือแรงงาน สามารถเปลี่ยนนายจ้างหรือโยกย้าย ได้อิสระเสรี มีความเสี่ยง เรื่องของการ ออกจากงานค่อนข้างสูง หากสวัสดิการและการดูแลไม่ได้ดี เท่าที่ควร หรือไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของ น้องๆ ต่างด้าวกลุ่มนี้ และบางครั้งในการรับสมัคร ก็อาจจะไม่ได้รับสัดส่วนหรือคุณสมบัติตามที่นายจ้างต้องการนัก

(ตาม มติ ครม 24 กันยายน 2567) ให้ขยายระยะเวลาการเปลี่ยนนายจ้างตามมาตรา ๕๒ และระยะเวลาการทำงานกับ นายจ้างรายใหม่ตามมาตรา ๕๕ วรรคหนึ่ง สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาทำงางานในราชอาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ภายใต้บันทึกความตกลงหรือบันทึกความเข้าใจที่รัฐบาลไทยทำไว้กับ รัฐบาลต่างประเทศ เป็นระยะเวลา 60 (หกสิบ) วัน จากเดิม เพียง 30 วันนับแต่วันที่เลิกทำงานกับนายจ้างรายเดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๗๒

- แรงงานต่างด้าวMOU จำเป็นต้องมีเอกสารอยู่ 3 ชนิด จึงจะมีสิทธิ์อยู่ในราชอาณาจักรไทยได้อย่างถูกต้อง คือ 1. หนังสือเดินทาง 2. วีซ่าที่อยู่ในเล่มหนังสือเดินทาง และ 3. ใบอนุญาตทำงาน ก็ถือว่าครบถ้วน
- ส่วนแรงงานต่างด้าวมติ ครม บัตรชมพู หรือแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย จำเป็นต้องมีเอกสารอยู่ด้วยกัน 4 อย่างคือ 1. หนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางอย่างใดอย่างหนึ่ง 2.ใบอนุญาตทำงาน 3.วีซ่าที่อยู่ในเล่ม หนังสือเดินทางและบัตรชมพู จึงจะถือว่าครบถ้วน แต่ในบางครั้ง ก็ไม่สามารถทำบัตรชมพูได้ ทางแรงงานต่างด้าวจำเป็นต้องมีเอกสารที่ใช้แทนก็คือ ใบ บต50 อ.6 แทนก็ได้

โดยปกติตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง และตามข้อตกลงของ ทั้ง 2 ประเทศ ในการนำเข้า แรงงานต่างด้าว จะกำหนดอายุของวีซ่าให้คราวๆละ 2 ปี และต่ออายุได้อีกหนึ่งครั้ง รวมตัวทั้งสิ้น 4 ปี แต่ ด้วย สถานการณ์ ทาง การเมือง และ ความ ไม่ สงบ ในบางประเทศ และความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรองรับ การว่าจ้างแรงงานในภาคอุตสาหกรรมที่ยังขาดแคลนแรงงานอยู่ รวมไป ถึง โรคระบาดของโควิดที่ผ่านมา จึงมีการขยาย อายุของวีซ่า หรือการขึ้นทะเบียนให้กับแรงงานต่างด้าว ตามวาระ หรือตามความจำเป็นตลอดมา ทั้งนี้ก็ต้องรอประกาศ จากกรมการจัดหางาน หรือกระทรวงแรงงาน และมติ ครม. เป็นคร่าวคร่าวไป

คำตอบคือไม่ได้ เนื่องจาก วีซ่าของ แรงงานเข้ามา นั้นเป็นวีซ่าท่องเที่ยว หากทางนายจ้าง ต้องการ ให้คนต่างด้าวนั้นทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีการแปลงสถานะ ของแรงงานต่างด้าว โดย กระบวนการ นำเข้าแรงงานเป็นMOU ให้ถูกต้องเสียก่อน หากมีการตรวจ จับ ทางนายจ้างและแรงงานต่างด้าว จะมีความผิด รวมไปถึงคนต่างด้าวอาจ ถูกขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าประเทศก็ได้